หนังไทย 2565

บทความวิจารณ์หนังสนุก ๆ กลับมาอีกแล้ววันนี้ กลับมาแล้วกับรีวิวหนังไทยที่ดูเหมือนจะห่างหายไปนาน กับ “หนังไทย 2565” ผมเคยรู้สึกว่าหนังไทยส่วนใหญ่มักจะมีแต่พล็อตเดิมๆ ทำให้เดาง่าย และดูไม่ค่อยสนุก แม้จะเทียบกับสตูดิโอใหญ่ๆ ของฮอลลีวูดและบอลลีวูดแล้ว หนังไทยก็ดูน่าสนใจน้อยกว่า และบอกตามตรงว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เราไม่ค่อยดูหนังไทยแล้วเขียนรีวิว หนังไทย 2565

ใจฟูสตอรี่

ประเภท โรแมนติก / ตลก
ผู้กำกับ พฤกษ์ เอมะรุจิ
นักแสดงนำ พชร จิราธิวัฒน์, ภัณฑิรา พิพิธยากร, ณัฏฐ์ กิจจริต และเอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา
ความยาวหนัง 100 นาที
ปีที่ออกอากาศ 11 สิงหาคม 2565

เรื่องราวของ เดี่ยว นักเขียนหนุ่มที่สมองกำลังตันสุด ๆ กับการต้องมาเขียนบทหนังรักที่ตัวเองไม่ถนัด แถมยังต้องหอบเอางานไปทำที่โรงพยาบาลพร้อม ๆ กับเฝ้าแม่ที่กำลังป่วยหนัก โดยบทที่เขาเขียนจะประกอบไปด้วยหนังรักจำนวน 4 เรื่อง

  • เรื่องที่ 1 ความสัมพันธ์สุดวุ่นวายระหว่างนักไอทีหนุ่มว่างงานและสาวห้องตรงข้ามที่มีเงินเข้ามาเป็นเดิมพัน
  • เรื่องที่ 2 ก็จะเป็นความรักของเด็กมัธยมปลายกับสาวข้างบ้านที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์
  • เรื่องที่ 3 จะเป็นความสัมพันธ์แปลก ๆ ระหว่างสองไรเดอร์ที่มักจะพบเจอกันตามแยกไฟแดงอยู่บ่อย ๆ
  • เรื่องสุดท้าย พนักงานกะดึกสุดแย่ที่แอบไปบอกพยาบาลคนโปรดไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน และหลังจากได้พบกับ บัว หญิงสาวผู้ช่างสงสัยและลึกลับซึ่งกลายมาเป็นคู่หูที่งุนงงของเขา ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องราวคู่รักใหม่เกิดขึ้น

รายได้หนังไทยปี 2565 กลุ่มเป้าหมายของภาพยนตร์ไม่เจาะจงมากนัก เนื่องจากเนื้อหาของภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ในทุกช่วงอายุ ในแง่ของการถ่ายทำและฉาก เรื่องราวของแต่ละตอนส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกันแต่มีความเกี่ยวข้องมากพอที่จะไม่ทำให้ผู้ชมสับสน เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน เบาสมอง เดาทิศทางของหนังได้ง่ายแต่ก็ทำให้เราขำความน่ารักของความสัมพันธ์ตัวละครที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้น แอบคิดว่ามันค่อนข้างลำเอียง ผู้ชายคือเรื่องราว และเสียงในหัวของนักแสดงไม่ใช่การแสดงออกทางร่างกาย แต่เป็นหนังเบาสมอง ดูน่ารัก และเคมีของคู่รักแต่ละคู่ก็ไม่ได้ขัดแย้งกันจนน่าขมวดคิ้ว

Leio ไลโอโคตรแย้

ประเภท แอคชั่น / ผจญภัย / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ ชาลิต ไกรเลิศมงคล และ ชิตพล เรืองกัลป์
นักแสดงนำ พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ และณัฐชา เดอซูซ่า
ความยาวหนัง 109 นาที
ปีที่ออกอากาศ 28 กรกฎาคม 2565

หมู่บ้านทุ่งตะวันแยงกำลังประสพภัยแล้งอย่างหนักหน่วงทำให้ เก้า ตัดสินใจลงแข่งขันตามหาน้ำบาดาลเพื่อชิงเงินรางวัลที่มีจำนวนมากถึง 7 หลักโดยมี เจน และ โย เข้าร่วมเป็นสมาชิกในทีมด้วย แต่ใครจะรู้ว่าการแข่งขันที่น่าสนใจนี้กลับแฝงไปด้วยความเห็นแก่ตัวและความหน้าเลือดของนายทุน รวมไปถึงไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะเป็นคนปลุกสัตว์ประหลาดใต้ดินให้ตื่นจากการจำศีลและขึ้นมาจัดการกับทุกชีวิตที่ขวางหน้าอย่างไม่ปราณี ภาพยนตร์ไทย 2565

Rio ยักษ์งี่เง่า เป็นหนังไคจูอีกเรื่องที่หลายๆ คนตั้งตารอ ทีมงานสร้างดูเหมือนจะทุ่มเทให้กับตัวละครหลักอย่าง Ya Ya Yak ภาพยนตร์มากเกินไปทำให้ตัวละครอื่น ๆ ที่เป็นคนจริงไม่น่าสนใจและมีความพิเศษที่ธรรมดา แต่ก็ถือเป็นหนังสัตว์ประหลาดไทยอีกเรื่องที่ดูธรรมดาๆ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของวงการสัตว์ประหลาดเมืองไทย

บุพเพสันนิวาส 2 (Love Destiny The Movie)

ประเภท โรแมนติก / ตลก / แฟนตาซี
ผู้กำกับ อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม
นักแสดงนำ ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ, ราณี แคมเปน และ พาริส อินทรโกมาลย์สุต
ความยาวหนัง 166 นาที
ปีที่ออกอากาศ 28 กรกฎาคม 2565

เมธัสบังเอิญเดินทางย้อนเวลาไปยังกรุงรัตนโกสินทร์ ที่นั่นเขาได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและได้พบกับบรรพบุรุษของเขา หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมด รวมทั้งการเผชิญหน้าของเกสันกับโฟบ เกสันสนใจเมธัสมาก เพราะเขามีลักษณะนิสัยหลายอย่างที่ตรงกับเมย์ในบันทึกของคาร์ราเคด ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ของเรณูกับโลกก็เชื่องช้าอย่างน่าผิดหวัง เมธอสจึงสวมบทบาทเป็นครูอาสาที่ช่วยสอนชาวโลกให้จีบสาว เรื่องราวดูดีแต่วันหนึ่งพวกเขาต้องร่วมมือกันกอบกู้ประเทศจากเจ้าอาณานิคมที่รุกรานสยาม

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่าภาคต่อของทีวีซีรีส์ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ไปไกลถึงขนาดนั้น แม้ว่าคุณจะไม่ได้ดูเวอร์ชั่นละคร แต่คุณก็สามารถเข้าใจเนื้อหาของภาพยนตร์ได้โดยไม่ลังเล ส่วนตัวแอบคิดว่าหนังเรื่องนี้ค่อนข้างยาวและไม่ลึกมาก มีช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและช่วงเวลาที่น่าเบื่อ และนี่คือจุดที่เรื่องราวเปลี่ยนไปเล็กน้อย อิงประวัติศาสตร์เบา ๆ เป็นเวอร์ชั่นที่ใครชอบเวอร์ชั่นละครก็อินได้ง่าย ๆ เน้นความเบาและเซอร์วิสที่ยังรู้สึกได้ในคู่ของโป๊ป ธนวรรธน์ กับ เบลล่า คนที่เพิ่งมาดูฉบับภาพยนตร์น่าจะสนุกได้แบบสบายๆ รายได้หนังไทย 2565

แดง พระโขนง

ประเภท ตลก / สยองขวัญ
ผู้กำกับ วัชรพงษ์ ปัทมะ และ เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์
นักแสดงนำ เมลิค เอเฟ่ ไอย์กูน, มาชิดา สุทธิกุลพานิช และ ภูวรักษ์ คำสิงห์
ความยาวหนัง 97 นาที
ปีที่ออกอากาศ 31 มีนาคม 2565

หนังไทยปี 2565 เรื่องราวของเด็กชายที่ทิ้งเดนไว้คนเดียวในหมู่บ้านตำพระโขนง หลังจากการตายของพ่อและแม่ของเขา Dane เติบโตมาพร้อมกับการศึกษาที่ไม่เกรงกลัวของคนในหมู่บ้าน แต่มันทำให้ Dane รู้สึกว่าเขาไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นมากนัก เขามีกลุ่มเพื่อน ให้ผู้ใหญ่พาไปดู รวมถึงบางคนที่ชุบตัวเขาเหมือนเด็ก แต่เขาเริ่มสงสัยว่าเพื่อนที่เขาเห็นทุกวันเป็นมนุษย์หรือผี พอคุณเริ่มค้นหาว่าเรื่องราวเปลี่ยนไปอย่างไร บีบให้แดงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงและแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เพื่อนๆ ฟัง โดยมีกลุ่มหมอผีที่พยายามหลอกหลอนชาวบ้าน

หนังมีความน่าสนใจตรงที่นักเขียนเลือกที่จะเล่าเรื่องราวของเดน เด็กที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังและไม่มีใครสนใจหรือคิดถึงเขา หนังเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวผ่านสายตาของเด็กไร้เดียงสา เนื้อหาเน้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนจึงอาจไม่น่ากลัว ที่กล่าวว่าฉันคิดว่า CG และการถ่ายทำในบางฉากค่อนข้างดี มีนักแสดงตลกค่อนข้างน้อยในรายการ น่าเสียดายที่มีเรื่องตลกมากเกินไปในภาพยนตร์เรื่องนี้ หลายคนเลียนแบบรูปร่างหน้าตาและกลั่นแกล้งปมด้อยของตัวละคร เป็นความจริงที่ว่าบางคนชอบไข่มุกเหล่านี้ แต่สำหรับคนรุ่นใหม่อาจไม่น่าสนใจและอาจส่งผลต่อทัศนคติที่มีต่อภาพยนตร์ไทยเลยก็ได้

วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ (One For The Road)

ประเภท ดราม่า
ผู้กำกับ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
นักแสดงนำ ธนภพ ลีรัตนขจร, ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง และ วิโอเลต วอเทียร์
ความยาวหนัง 136 นาที
ปีที่ออกอากาศ 10 กุมภาพันธ์ 2565

บอส นักธุรกิจหนุ่มต้องบินกลับเมืองไทยเพื่อไปหา อู๊ด เพื่อนเก่าที่หายสาบสูญไปนาน เมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาป่วยด้วยโรคร้ายแรง เขาจึงอยากจัดทริปไปขอโทษแฟนเก่า . การที่บอสรู้ความจริงและสิ่งที่อู๊ดมีในใจมานานอาจนำพวกเขาไปสู่ทางแยก

ในขั้นต้น ภาพยนตร์ดูเหมือนจะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของอู๊ด ผู้ซึ่งต้องการปลดปล่อยทุกสิ่งออกจากบ่าของเขาและจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข แต่เมื่อมาถึงจุดแตกหัก เนื้อเรื่องของหนังเปลี่ยนไปและกลายเป็นเรื่องราวของบอสที่มีความแข็งแกร่งเท่ากันแทน อู๊ดยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชีวิตของบอสเปลี่ยนไปอย่างมาก หนังเรื่องนี้ดราม่าได้ใจมาก ธนภพ, อายส์, วี ยิ่งแสดงนำไวโอเล็ตยิ่งน่าสนใจและฉากอารมณ์ของตัวละครสามารถถ่ายทอดได้มากขึ้นสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเอกลักษณ์มากขึ้นคือการใช้ค็อกเทล เพื่อถ่ายทอด